ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่นับถือพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทอย่างแพร่หลาย เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาฝ่ายมหายานในนิกายเซนตามความต้องการของผู้มีจิตศรัทธา วัดจงไถฉานซื่อได้ก่อตั้งวัดไท่ฝอซื่อ ที่ถนนพระรามเก้า ซอย 7 อันเป็นวัดสาขาในประเทศไทยในเดือนธันวาคม ปี 2003 แต่เนื่องจากสถานที่เดิมคับแคบไม่สามารถรองรับญาติโยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้ย้ายมาสร้างวัดข้างๆ ร.พ.พระรามเก้า ตามความเมตตาชี้แนะของหลวงพ่อเหวยเจวี๋ยผู้ก่อตั้งวัดจงไถฉานซื่อ สถานที่ใหม่สะดวกต่อการเดินทางและอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าและวัฒนธรรม นับได้ว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมอันมีค่ายิ่งท่ามกลางความจอแจในเมือง ภายในวัดมีห้องกรรมฐาน ห้องเรียน และห้องสมุด อีกทั้งอุโบสถที่งดงามสงบเย็น เป็นสถานธรรมที่รองรับการศึกษาปฏิบัติธรรมชำระจิตสำหรับทุกผู้ทุกคน
การก่อตั้งวัดไท่ฝอซื่อ เป็นผลจากปณิธานในการเผยแผ่ธรรมะกว้างไกลเพื่อโปรดสรรพสัตว์ของหลวงพ่อเหวยเจวี๋ย ผู้ก่อตั้งวัดจงไถฉานซื่อ ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณา ปัญญา ปณิธาน และจริยา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนในเมืองที่วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงชายอายุมากน้อยเพียงใด เชื้อชาติภาษาใดก็ตาม ล้วนสามารถสดับฟังพระธรรม เกิดความตื่นรู้เห็นแจ้งในจิตเดิมแท้แห่งตน ค้นพบความจริงแท้ในชีวิต เป็นอิสระอย่างแท้จริง วัดไท่ฝอซื่อได้จัดตารางเวลาเปิดสอนธรรมะ สอนการใช้ศาสนูปกรณ์ประกอบการสวดธรรมสังคีต และคอร์สภาษาจีน/ไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยหวังอาศัยธรรมะในชีวิตประจำวัน นำพาให้ผู้มีจิตศรัทธาได้รับการอบรม มีสมาธิจิต พิสุทธิจิต และจิตปัญญา ให้ทุกคนล้วนตื่นรู้ในพุทธิจิต ค้นพบความหมายที่แท้จริงของชีวิต
ในปี 1987 หลวงพ่อเหวยเจวี๋ย ได้บุกเบิกสร้างวัดหลิงเฉวียนตามคำร้องขอของญาติโยมเพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสอนจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เนื่องด้วยศิษยานุศิษย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้สถานที่ที่มีอยู่เดิมไม่เพียงพอรองรับ
ด้วยภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการเผยแผ่พระธรรม หลวงพ่อจึงตัดสินใจก่อสร้างวัดจงไถฉานซื่อเพื่อรองรับผู้คนทั่วสารทิศให้ได้มีสภาพแวดล้อมในการศึกษาธรรมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น วัดจงไถฉานซื่อจึงได้เริ่มสร้างในปี 1992 ภายใต้การชี้นำด้วยปณิธานและปัญญาของหลวงพ่อพร้อมทั้งการร่วมแรงร่วมใจของพุทธบริษัท 4 ซึ่งใช้เวลาในการวางโครงการ 3 ปี และการก่อสร้าง 7 ปี จึงแล้วเสร็จ เปิดใช้งานในวันที่ 1 กันยายน 2001 อันเป็นการเริ่มศักราชใหม่ของการเผยแผ่พระธรรมของวัดจงไถฯ
พระเถราจารย์ผู้ก่อตั้งวัด(1928 - 2016)
หลวงพ่อเหวยเจวี๋ยผู้ก่อตั้งวัดจงไถฉานซื่อ เป็นชาวอำเภออิ๋งซัน มณฑลเสฉวน ออกบวชกับพระธรรมาจารย์หลิงเยวี๋ยนซึ่งเป็นศิษย์ของพระธรรมจารย์ซวีหวินแห่งนิกายเซนสายหลินจี้ที่วัดสือฟังต้าเจวี๋ยฉานซื่อ เมืองจีหลง ในปี 1964 ได้ฉายา จืออัน ชื่อทางธรรมคือ เหวยเจวี๋ย หลังจากออกบวชทำหน้าที่ดูแลพุทธกิจในพระอุโบสถด้วยความวิริยะ ตื่นตีสองเพื่อขึ้นมาปัดกวาดวิหารทุกวัน แม้นเวลาพักเที่ยงก็ยังปฏิบัติกราบไหว้พระเพียงคนเดียว มิได้หยุดพัก เมื่อรับหน้าที่ดูแลสวน ท่านมักจะสวมหมวกสานด้วยไม้ไผ่บดบังสายตามิให้มองเห็นเกินหนึ่งฟุต เพียรปฏิบัติด้วยจิตตั้งมั่น เข้าถึงจิตตนอย่างถ่องแท้
เพื่อความพัฒนาในการปฏิบัติ จึงได้ปลีกวิเวกที่วัดจี๋เสียงซื่อเมืองอี๋หลัน วัดเยวี๋ยนหมิงซื่อเมืองซินจู๋ วัดต้าหวี่ซานเป่าเหลียนซื่อที่ฮ่องกง ตามลำดับ หลังจากนั้นจึงธุดงค์ในป่าเขตวั่นหลี่ กรุงไทเป ปลีกวิเวกในกระท่อม สวมจีวรเก่าๆ ขาดๆ ฉันเพียงผักผลไม้ ตั้งอยู่ในความสันโดษ เพียรปฏิบัติในธรรม ในปี 1987 ท่านได้สร้างวัดหลิงเฉวียนซื่อในที่เดียวกันกับกระท่อมน้อย เพื่อสนองตอบการร้องขอของศิษยานุศิษย์ให้ออกมาเผยแผ่พระธรรม ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุเกือบ 60 ปี
ในช่วงก่อสร้างวัดหลิงเฉวียนซื่อ หลวงพ่อกับลูกศิษย์ช่วยกันถางหญ้าเตรียมพื้นที่ แบกอิฐขนปูนสร้างกำแพงด้วยความเหนื่อยยาก หลังคนงานเลิกงานแล้ว หลวงพ่อและลูกศิษย์ยังคงทำงานต่อในเวลากลางคืนจนการก่อสร้างแล้วเสร็จ เพื่อประหยัดค่าก่อสร้าง เมื่อวัดหลิงเฉวียนซื่อสร้างเสร็จก็ได้จัดกรรมฐาน 7 วันครั้งแรก ซึ่งมีลูกศิษย์ที่เป็นพระและฆราวาสเข้าร่วม 20 กว่าคน ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนเพียงน้อยนิด แต่ก็เป็นการทำให้วิธีปฏิบัติสมาธิ 7 วันที่ห่างหายไปนานกลับมาอีกครั้ง ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 1991 ทางวัดได้จัดกรรมฐาน 7 วัน 7 รอบต่อเนื่องกันเป็นเวลา49 วัน อันเป็นจุดพลิกฟื้นนิกายเซนอย่างแพร่หลาย
ด้วยเหตุที่พุทธบริษัท 4 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนวัดหลิงเฉวียนซื่อไม่สามารถรองรับได้ หลวงพ่อจึงดำริก่อสร้างวัดจงไถฉานซื่อที่ตำบลผูหลี่ อำเภอหนานโถว โดยใช้เวลาวางโครงงาน 3 ปีและก่อสร้าง 7 ปี วัดจงไถฉานซื่อจึงก่อสร้างเสร็จในปี 2001 เข้าสู่ยุคจงไถเผยแพร่กว้างไกล
หลวงพ่อดำริแนวทางการปฏิบัติ สามส่วนเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งหมายถึงการ เจริญบุญกุศล ศึกษาพระธรรมคำสอน บำเพ็ญสมาธิภาวนา ขับเคลื่อนภาคปริยัติของพระภิกษุสงฆ์ การศึกษาในสังคมและในโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ในระหว่างการก่อสร้างวัดจึงได้มีการสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์และสร้างวัดสาขา 108 สาขา ทั้งในและต่างประเทศไปพร้อมกัน อีกทั้งจัดงานบุญใหญ่ กิจกรรมบรรยายพระธรรมกว่า 100ครั้ง และยังได้กำหนดการปฏิบัติกรรมฐาน 7 วันปีละ 10 รอบ ระหว่างนี้มีจัดพิธีถือไตรสรณคมณ์ รับศีลห้า ถืออุโบสถศีล และพิธีรับศีลสามมณฑลอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ด้วยหวังอาศัยพระธรรมคำสอน การเจริญสมาธิ และการถือศีลมาชำระจิตคนให้บริสุทธิ์ นอกจากนี้ ยังกระชับความสัมพันธ์ด้านพุทธศาสนาระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ทำให้ผู้คนมีความเข้าใจถึงความเมตตากรุณาและปัญญาในพุทธธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายกลมเกลียว จรรโลงโลกนี้ด้วยสันติภาพ นอนจากนั้นแล้ว หลวงพ่อยังจัดตั้งโรงเรียนผู่ไถชั้นประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย โดยอิงหลักการอบรมเพื่อเกิดความตื่นรู้จากพระพุทธธรรมมาใช้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการศึกษาเพื่อพัฒนาคนอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกันหลวงพ่อได้สร้างพิพิธภัณฑ์โลกแห่งจงไถ สำหรับเก็บรักษาและจัดแสดงพุทธศิลป์เพื่อจรรโลงพุทธประวัติ และสืบสานวัฒนธรรมจีน ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์หลักศิลาจารึก ซีอันในประเทศจีนได้มอบหลักศิลาจารึก 1,273 ชิ้นให้กับทางพิพิธภัณฑ์โลกแห่งจงไถเพื่อให้ศิลปะหล่อหลอมจิตคน
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา หลวงพ่อเหวยเจวี๋ยมุ่งมั่นเผยแผ่พุทธธรรม นำพาสาธุชนทั้งหลายก่อตั้งโลกแห่งจงไถอย่างมั่นคง โดยยึดคำขวัญวัดจงไถเคารพผู้ใหญ่ เมตตาผู้น้อย ปรองดองผู้คน จริงใจทำงาน เป็นแนวทางในการนำพุทธธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นกรอบสำคัญในการอยู่ร่วมกันของคณะสงฆ์ ตลอดจนดำริการประยุกต์พุทธธรรม 5 แขนงคือ ด้านวิชาการ ด้านการศึกษา ด้านศิลปกรรม ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านสังคม เพื่อชักนำผู้คนได้เรียนรู้พระธรรมในมุมมองต่างๆ เข้าถึงความจริงสูงสุด จุดประกายทุกผู้คนให้สัมผัสจิตประภัสสรที่มีมาแต่เดิม
หนทางเผยแผ่พระธรรมอันยาวไกล ท่องไปอย่างไม่ย่อท้อไม่เหนื่อยล้า การปฏิบัติทั้งชั่วชีวิตของหลวงพ่อ ดำเนินการสร้างวัด ก่อตั้งคณะสงฆ์ โปรดลูกศิษย์ เป็นบุคคลตัวอย่างผู้เปี่ยมด้วยกุศลธรรมในการพัฒนาสังคมโลก หลวงพ่อเหวยเจวี๋ยได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี 2016 สิริอายุ 90 ปี 53 พรรษา พุทธบริษัท 4 ได้พร้อมใจกันสวดมนต์ ขอให้อานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั่วทศทิศเป็นเครื่องนำพาให้หลวงพ่อหวนกลับมาใหม่เพื่อโปรดสรรพสัตว์ต่อไปจวบจนบรรลุอนุตตรพุทธผล